
คลีนซิ่ง (cleansing) และ คลีนเซอร์ (cleanser) เป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่จำเป็นต้องใช้คู่กัน เพื่อให้การทำความสะอาดผิวหน้ามีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่การใช้คลีนซิ่งคู่กับคลีนเซอร์ต้องใช้อย่างไร มีวิธีการใช้ที่ถูกต้องอย่างไร เพื่อให้การเช็ดเครื่องสำอางเป็นไปได้อย่างหมดจด และจะเลือกใช้คลีนซิ่งสำหรับคนเป็นสิว แบบไหนดีให้สิวลดลง ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผิวแบบอื่น ๆ ต้องใช้คลีนซิ่งและคลีนเซอร์แบบไหน
วันนี้เรามี วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้งสองชนิดแบบจัดเต็มและละเอียดที่สุดมาฝากกันค่ะ
cleansing และ cleanser คืออะไร
คลีนซิ่ง (cleansing) คือ ผลิตภัณฑ์เช็ดล้างเครื่องสำอาง ซึ่งสามารถนำพาสารในเครื่องสำอางอย่าง ซิลิโคน สารกันแดด และสารเคลือบผิว ออกมาจากรูขุมขนและผิวหน้าได้ โดยสารเหล่านี้ไม่สามารถล้างออกได้ด้วยน้ำเปล่าและคลีนเซอร์ได้
คลีนเซอร์ (cleanser) คือ ผลิตภัณฑ์ชำระล้างและกำจัดความมัน สิ่งสกปรก (ฝุ่น คราบเขม่า และอื่น ๆ) และเชื้อแบคทีเรีย (P.acne และอื่น ๆ) ออกจากรูขุมขนและผิวหน้า หลายคนอาจรู้จักในชื่อของ โฟมล้างหน้า (โฟมล้างหน้าเป็นหนึ่งในคลีนเซอร์ โดยคลีนเซอร์มี 7 ประเภท ได้แก่ โฟมล้างหน้า เจลล้างหน้า สบู่ล้างหน้า ซินเด็ท ครีมล้างหน้า แป้งล้างหน้า และสครับล้างหน้า (Exfoliating Cleanser) นั่นเอง

ทำไมต้องใช้คลีนซิ่งและคลีนเซอร์คู่กัน
มีเหตุผลอยู่ 3 ข้อที่เราต้องใช้ทั้งคลีนซิ่งและคลีนเซอร์ในการทำความสะอาดผิวหน้า ได้แก่
การล้างเครื่องสำอางและครีมกันแดดต้องใช้คลีนซิ่งเท่านั้น
เนื่องจากสารเคลือบผิว ซิลิโคน และสารกันแดด เมื่อสัมผัสเข้ากับโฟมล้างหน้าหรือคลีนเซอร์แล้วจะจับตัวกันเป็นก้อน และเข้าไปอุดตันในรูขุมขน ทำให้เกิดสิว โครงสร้างผิวหน้าเสีย เกิดริ้วรอย และความมันมากขึ้น
คลีนซิ่งใช้ล้างเครื่องสำอางได้อย่างเดียว
ไม่สามารถล้างความมัน สิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียได้ จึงต้องใช้คลีนเซอร์หรือโฟมล้างหน้าอีกครั้ง
หลังการใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอางออกเสร็จแล้ว จะเหลือคราบคลีนซิ่งอยู่บนผิวหน้า
ซึ่งถ้าไม่ทำความสะอาดออกด้วยโฟมล้างหน้าหรือคลีนเซอร์ ก็จะทำให้ผิวแพ้ เป็นสิว ได้ (คลีนซิ่งล้างออกได้ด้วยคลีนเซอร์)
การเลือกใช้คลีนซิ่งและคลีนเซอร์
สภาพผิวแต่ละประเภทมีความเหมาะสมกับคลีนซิ่งและคลีนเซอร์ที่แตกต่างกันออกไปตามปัญหาผิวที่แตกต่างกัน การเลือกใช้คลีนซิ่งและคลีนเซอร์ที่เหมาะสมมีดังนี้
ผิวมัน
คลีนซิ่ง – คลีนซิ่งน้ำ และ คลีนซิ่งเจล เพราะไม่ทำให้ผิวมัน
คลีนเซอร์ – โฟมล้างหน้าสูตรควบคุมความมัน และโฟมล้างหน้าเนื้อน้ำนม เพราะลดความมันและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
ผิวแห้ง
คลีนซิ่ง – คลีนซิ่งออยล์ คลีนซิ่งครีม และคลีนซิ่งบาล์ม เพราะไม่ทำให้ผิวแห้ง ให้ความชุ่มชื้นสูง
คลีนเซอร์ – โฟมล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นสูง และ ครีมล้างหน้า
ผิวผสม
คลีนซิ่ง – คลีนซิ่งน้ำนม และคลีนซิ่งบาล์บ เพราะไม่ทิ้งคราบมันและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
คลีนเซอร์ – โฟมล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นและควบคุมความมัน และ เจลล้างหน้า
ผิวธรรมดา
คลีนซิ่ง – คลีนซิ่งเจล และคลีนซิ่งบาล์บ
คลีนเซอร์ – สามารถใช้โฟมล้างหน้าได้หลากหลายมาก
ผิวเป็นสิว
คลีนซิ่ง – คลีนซิ่งน้ำ คลีนซิ่งน้ำนม เพราะไม่ทิ้งคราบมัน และลดสาเหตุของการเกิดสิว
คลีนเซอร์ – โฟมล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นและควบคุมความมัน และ เจลล้างหน้า และควรหลีกเลี่ยงสครับ เพราะอาจจะทำให้สิวอักเสบและเห่อมากขึ้น
ผิวแพ้ง่าย
คลีนซิ่ง – คลีนซิ่งน้ำนม คลีนซิ่งเจล และคลีนซิ่งบาล์บ ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่รุนแรงและก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว
คลีนเซอร์ – โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน อาจเป็นสูตรธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมรุนแรง และควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่
ผิวหมองคล้ำ
คลีนซิ่ง – คลีนซิ่งน้ำนม หรือ คลีนซิ่งที่อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้ผิวหมองคล้ำ
คลีนเซอร์ – โฟมล้างหน้าสูตรเพิ่มความขาวกระจ่างใส
ผิวรูขุมขนกว้าง
คลีนซิ่ง – คลีนซิ่งน้ำนม คลีนซิ่งเจล และคลีนซิ่งบาล์บ ควรหลีกเลี่ยงการเช็ดถูผิวหน้าแรง
คลีนเซอร์ – โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน และควรหลีกเลี่ยงการใช้สครับ
ผิวมีริ้วรอยมาก
คลีนซิ่ง – คลีนซิ่งที่มีความอ่อนโยนต่อผิว และให้ความชุ่มชื้น เช่น คลีนซิ่งน้ำนม คลีนซิ่งเจล และคลีนซิ่งบาล์ม
คลีนเซอร์ – โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนต่อผิว และไม่ทำให้ผิวแห้ง

วิธีการใช้ คลีนซิ่ง และ คลีนเซอร์
ขั้นตอนที่ 1 เช็ดเครื่องสำอางและครีมกันแดดออกจากใบหน้าและลำคอให้หมดด้วยคลีนซิ่ง
สามารถทำได้ 2 วิธีตามเนื้อของคลีนซิ่งที่เลือกใช้ คือ
วิธีแรก คลีนซิ่งเนื้อเหลว (คลีนซิ่งน้ำ คลีนซิ่งออยล์ คลีนซิ่งน้ำนม และ คลีนซิ่งเจล) มี 3 ขั้นตอน คือ
- หยดคลีนซิ่งลงบนสำลีแผ่น
- เช็ดขึ้นในแนวตั้ง ย้อนทิศทางการเกิดขน เพื่อให้คลีนซิ่งทำความสะอาดได้ลึกที่สุด
- เช็ดเครื่องสำอางให้ออกหมดจดทั่วทั้งใบหน้า กรอบหน้า และลำคอ อย่างเบามือ
วิธีที่สอง คลีนซิ่งเนื้อกึ่งเหลว (คลีนซิ่งครีมและคลีนซิ่งบาล์บ) มี 4 ขั้นตอน คือ
- ปาดเนื้อคลีนซิ่งด้วยนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วก้อย
- นวดวนเป็นวงกลมลงบนผิวหน้า โดยนวดวนตามเข็มนาฬิกาหรือวนขวา เพื่อให้คลีนซิ่งเข้าลึกถึงรูขุมขน ถ้าเนื้อคลีนซิ่งเหนียวเกินไปสามารถใช้น้ำผสมได้เล็กน้อยเพื่อให้การนวดง่ายขึ้น
- นวดล้างเครื่องสำอางไปเรื่อย ๆ จนหมดเกลี้ยงทั่วทั้งใบหน้า กรอบหน้า และลำคอ
- ให้เช็ดคลีนซิ่งออกด้วยสำลีแผ่น
* ขั้นตอนของคลีนซิ่ง หากไม่ได้ใช้เครื่องสำอางและ/หรือครีมกันแดด ก็สามารถข้ามไปได้
ขั้นตอนที่ 2 ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์
การล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์มี 6 ขั้นตอนหลัก คือ
- ทำผิวหน้าให้เปียกด้วยน้ำอุ่น (สามารถใช้ผ้าอุ่นแนบผิวหน้าได้) เพื่อเปิดรูขุมขน
- นำคลีนเซอร์มาไว้บนฝ่ามือ (อาจใช้วิธีบีบ ตัก ปาด วาง แล้วแต่คลีนเซอร์แต่ละประเภท) ในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วถูจนเกิดฟอง
- ใช้ฝ่ามือนวดไปที่แก้มสองข้าง 3 รอบ แล้วใช้นิ้วกลางกับนิ้วนางนวดอีกครั้ง เพื่อทำความสะอาดให้ทั่วทั้งใบหน้า กรอบหน้า และลำคอ (ลำคออาจใช้ฝ่ามือช่วยได้)
- ใช้น้ำอุ่นล้างคลีนเซอร์ออกให้หมดจดทั้งใบหน้า กรอบหน้า และลำคอ
- ใช้น้ำเย็นทาบผิวหน้าประมาณ 3 วินาที ทำซ้ำ 2 ครั้ง เพื่อปิดรูขุมขน
- ซับผิวหน้าให้แห้งด้วยผ้าสะอาดและอ่อนโยนต่อผิว ไม่ควรเช็ด ถู และเสียดสีผิวหน้าด้วยผ้าแรง ๆ เพราะจะทำให้เกิดสิวและริ้วรอยได้
ข้อควรระวังในการใช้คลีนซิ่งและคลีนเซอร์
- เมื่อเช็ดคลีนซิ่งลงบนผิวหน้าเสร็จแล้ว ให้ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ทันที ห้ามปล่อยทิ้งไว้นานหรือข้ามคืน เพราะจะทำให้เกิดการอุดตัน เกิดสิว อาการบวมแดง จากคลีนซิ่งที่ตกค้างอยู่บนใบหน้า
- การใช้คลีนซิ่งควรใช้ตอนผิวหน้าแห้ง เพราะจะทำให้คลีนซิ่งจับตัวกับเครื่องสำอางและครีมกันแดดได้ดีกว่า ส่งผลให้ผิวหน้าสะอาดอย่างหมดจด
- หลีกเลี่ยงคลีนซิ่งที่มีส่วนผสมของแอลกอฮฮล์ พาราเบน และน้ำหอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผิวแพ้ง่ายและสิวเป็นสิว เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองและเป็นสิวมากกว่าเดิม
- การล้างหน้าไม่ควรล้างมากเกินกว่า 2 ครั้งต่อวัน เพราะจะทำให้ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอย หรืออาจมีความมันบนใบหน้ามากขึ้น เนื่องจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป
- การใช้คลีนเซอร์ ไม่ควรนวดวนคลีนเซอร์บนผิวนานเกินไปจนคลีนเซอร์แห้งฝืด เพราะจะทำให้ล้างคลีนเซอร์ออกได้ยากขึ้น และอาจทำให้คลีนเซอร์ตกค้างอยู่บนใบหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวได้
- หลีกเลี่ยงการใช้คลีนเซอร์ที่มีส่วนผสมที่รุนแรงต่อผิวมากเกินไป เพราะส่วนผสมเหล่านั้นอาจไปทำร้ายผิวได้ อาจทำให้เกิดอาการบวมแดง สิวเห่อ หรืออาจทำให้ผิวหน้าพังเสียหายได้
- การใช้คลีนซิ่งและคลีนเซอร์ครั้งแรก หรือ เปลี่ยนคลีนซิ่งและคลีนเซอร์เป็นแบบอื่นที่ต่างกับที่เคยใช้ประจำ ให้ทำการทดลองใช้ที่หลังมือ เพื่อทดสอบการแพ้และระคายเคืองก่อนใช้งานจริง

สรุป
คลีนซิ่งและคลีนเซอร์ เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ควรใช้คู่กันเป็นประจำทุกวัน ซึ่งการเลือกใช้คลีนซิ่งและคลีนเซอร์ก็ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวด้วย โดยวิธีการใช้ คลีนซิ่งจะถูกใช้ก่อนในขั้นตอนที่ 1 เพื่อลบล้างเครื่องสำอางและครีมกันแดดออกจากใบหน้าและลำคอ จากนั้นจึงใช้คลีนเซอร์ล้างหน้าต่อในขั้นตอนที่ 2 เพื่อกำจัดความมัน สิ่งสกปรก เชื้อแบคทีเรีย รวมถึงคราบคลีนซิ่งด้วย